อากาศที่ร้อนอบอ้าว เมื่อย่างก้าวเข้าสู่เดือนเมษายน ซึ่งเป็นเดือนที่อากาศร้อนที่สุดในรอบปีของประเทศไทย อุณหภูมิสามารถพุ่งสูงถึง 40 องศาเซลเซียส ทำให้การอยู่ในบ้านแม้จะมีเครื่องปรับอากาศก็ยังรู้สึกร้อนอบอ้าว บทความนี้ บ้านไฟน์เดอร์ แชร์วิธีการคลายร้อนในบ้านเพิ่มเติม มีอะไรบ้าง มาดูกัน
1. ใช้ผ้าม่านกันแสงแดด
การติดตั้งม่านบังแสงแดดด้านนอกหน้าต่างและบานประตู จะช่วยกรองรังสีจากแสงแดดไม่ให้ส่องเข้ามาในบ้าน ช่วยลดความร้อนจากแสงแดดที่ส่องเข้ามา และทำให้ในบ้านเย็นลงได้ หากผ้าม่านของคุณเป็นแบบโปร่ง อาจพิจารณาเลือกติดม่านที่กันแสงหรือม่านทึบแสงเพิ่มอีกชั้นก็ได้
2. ปลูกต้นไม้บริเวณรอบบ้าน
การมีต้นไม้ขนาดใหญ่รายล้อมบ้านจะช่วยสร้างร่มเงาให้แก่ผนังบ้านและพื้นดิน ป้องกันการดูดซับความร้อนจากแสงแดด นอกจากนี้ต้นไม้ยังช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และปล่อยออกซิเจนที่จะทำให้อากาศในบ้านสดชื่นขึ้นอีกด้วย
3. เปิดพัดลมพร้อมการเปิดแอร์
การใช้พัดลมควบคู่กับการเปิดเครื่องปรับอากาศจะช่วยสร้างการหมุนเวียนของอากาศ ขจัดอากาศร้อนที่ส่วนบนและกระจายความเย็นได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากพัดลมใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยกว่าเครื่องปรับอากาศ ดังนั้นหากเปิดพัดลมร่วมกับแอร์ จะสามารถตั้งค่าอุณหภูมิของแอร์ให้สูงขึ้นกว่าปกติได้ 1-3 องศาเซลเซียส เนื่องจากการพัดพาอากาศช่วยสร้างความรู้สึกเย็นมากขึ้น ทำให้ประหยัดพลังงานไฟฟ้าเครื่องปรับอากาศได้
นอกจากนี้ ยังช่วยแก้ปัญหาการกระจายอากาศแบบไม่สม่ำเสมอ ในบางพื้นที่ การกระจายของอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศอาจไม่ทั่วถึง ทำให้เกิดจุดร้อนในบริเวณบางที่ การเสริมด้วยพัดลมจะช่วยนำอากาศเย็นไปสู่จุดนั้นได้ดียิ่งขึ้น
4. เปิดบ้านตอนเย็นเพื่อระบายอากาศ
ช่วงเย็นเป็นเวลาที่อุณหภูมิภายนอกลดลง การเปิดบานประตู หน้าต่าง เพื่อระบายอากาศร้อนที่สะสมภายในบ้านตลอดทั้งวันออกสู่ภายนอก ช่วยคลายร้อนภายในบ้านได้อย่างรวดเร็ว และยังช่วยในเรื่องกลิ่นอับและกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกจากบ้าน ป้องกันการก่อตัวของความชื้นและเชื้อราด้วย
5. หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ก่อให้เกิดความร้อน ในช่วงกลางวัน
ควรงดใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่สร้างความร้อนให้น้อยที่สุด เช่น เตารีด หม้อหุงข้าว เครื่องซักผ้า หรือเครื่องอบผ้า เพื่อไม่ให้เพิ่มความร้อนภายในบ้านที่มากขึ้น
6. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
เมื่ออากาศร้อน เหงื่อออกมากๆ ทำให้ร่างกายของเราขาดน้ำมากขึ้น เมื่อร่างกายขาดน้ำ ระดับเหลวภายในร่างกายจะลดลง ส่งผลให้เกิดภาวะขาดน้ำ ทำให้เซลล์และอวัยวะทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ อาจเกิดอาการเจ็บปวด ปวดศีรษะ คลื่นไส้ และหมดแรง การดื่มน้ำช่วยรักษาสมดุลของเหลวในร่างกายให้คงที่ ดังนั้น ในอากาศที่ร้อน ควรดื่มน้ำให้เพียงพอด้วย