อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นอาจมีผลกระทบอย่างมากต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ เรามาดูกันว่าการที่ดอกเบี้ยขาขึ้นส่งผลอย่างไรบ้างกับตลาดซื้อขายบ้าน และอสังหาริมทรัพย์
1.ดอกเบี้ยขึ้น ผลกระทบผู้ซื้อบ้าน:
สำหรับผู้ที่กำลังผ่อนบ้าน ก็อาจได้รับผ่อนกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยได้ อย่างผู้ที่กำลังจะซื้อบ้าน ก็อาจมีกำลังในการกู้บ้านน้อยลง และผู้ที่กำลังผ่อนบ้าน ค่าดอกเบี้ยผ่อนก็เพิ่มสูงขึ้น
ตัวอย่างเช่น นาย ก. ขอสินเชื่อบ้าน เพื่อซื้อบ้านราคา 5,000,000 บาท โดยมีค่าดอกเบี้ยเฉลี่ยอยู่ที่ 5% ระยะเวลากู้ 30 ปี จำนวนเงินผ่อนบ้านของนาย ก. จะอยู่ประมาณ 26,841 บาทต่อเดือน แต่เมื่อดอกเบี้ยมีการปรับขึ้นและเฉลี่ยอยู่ที่ 6% หมายความว่า นาย ก. ต้องจ่ายค่าผ่อนบ้านเพิ่มขึ้นเป็น 29,978 บาทต่อเดือน นั่นหมายถึงการขึ้นดอกเบี้ย 1% ก็ทำให้นาย ก. ต้องจ่ายเพิ่ม 37,644 บาทต่อปี หรือจ่ายมากขึ้น 11.7% เลยทีเดียว
2.ดอกเบี้ยขึ้น ผลกระทบผู้ขายบ้าน:
อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อผู้ขายบ้านเช่นกัน แม้ว่าจะแตกต่างกันเล็กน้อย นั่นคือ เมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น หมายถึงดอกเบี้ยการกู้เงินเพื่อซื้อบ้านจะแพงขึ้นด้วย สิ่งนี้อาจทำให้การกู้ซื้อบ้านกับสถาบันการเงินทำได้ยากขึ้น ทำให้มีผู้ซื้อที่สามารถซื้อบ้านนี้ลดน้อยลง ส่งผลให้ความต้องการซื้อบ้านลดลง หรือชะลอการซื้อบ้านออกไป
ตัวอย่างเช่น นาง A เจ้าของบ้าน ต้องการขายบ้านในราคา 4,000,000 บาท และก็ลงประกาศขายบ้านในราคานั้น แต่เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผู้ซื้อที่มีศักยภาพในการซื้อบ้านราคานี้นั้น สามารถกู้ซื้อบ้านนี้ได้อยู่ที่ 3,700,000 บาทเท่านั้น แปลว่าในตลาดจะมีผู้สนใจอสังหาฯ ของนาง A น้อยลงเพราะคนซื้อไม่มีกำลังซื้อ ทำให้ระยะเวลาในการขายบ้านอาจยาวนานขึ้น นาง A อาจจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ในการขายบ้านให้เหมาะสม เพื่อทำกำไรในช่วงนี้
โดยเฉพาะเจ้าของโครงการใหม่ๆ ถ้าไม่รีบขายออกก็ย่อมมีค่าเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาที่ยังขายไม่ได้ ซึ่งตรงนี้ก็อยู่ที่ว่าเจ้าของบ้านจะจัดการทรัพย์สินของตัวเองอย่างไรในตลาดดอกเบี้ยขาขึ้นนี้
3.ดอกเบี้ยขึ้น การลงทุนในอสังหาฯ:
อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อการซื้อขายบ้าน แต่ในตลาดเช่าบ้านอาจเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากกำลังซื้อบ้านที่ลดลง อาจส่งผลให้มีผู้เช่าอสังหาฯ มากขึ้นในตลาด และการที่ดอกเบี้ยขึ้นทำให้ราคาอสังหาฯ ลดลง ก็เป็นโอกาสดีของนักลงทุนที่จะซื้อในช่วงนี้เช่นกัน